สาลี่เป็นพืชเมืองหนาว ถิ่นกำเนิดในภาคตะวันตกของจีน ลักษณะเป็นไม้ยืนต้น ต้นชะลูด ทรงพีระมิด ดอกสีขาวออกเป็นช่อ ผลมีหลายสี ตั้งแต่เหลือง แดงอมส้ม น้ำตาล เขียว เนื้อกรอบ ฉ่ำน้ำ บางพันธุ์เนื้อเป็นทราย รสหวานอมเปรี้ยวเล็กน้อย กลิ่นหอม เมล็ดขนาดเล็ก แบนรี สีดำหรือสีน้ำตาลเกือบดำ
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Pyrus pyrifolia
วงศ์ Rosaceae
ชื่ออื่น สาลี่ Asian pear หรือสาลี่จีน (อังกฤษ: Chinese pear; ชื่อวิทยาศาสตร์: Pyrus pyrifloraL.) มีชื่ออื่นๆอีกหลายชื่อ เช่น nashi pearในญี่ปุ่นเรียก nashi ภาษาเกาหลีเรียก shingo
ลักษณะทั่วไป
สาลี่เป็นไม้ผลเขตหนาวประเภทรับประทานสด ลักษณะต้นมีขนาดใหญ่อายุยาวนานหลายสิบปี สาลี่ที่ปลูกในประเทศไทย เป็นชนิดสาลี่เอเชีย ซึ่งเนื่อผลจะกรอบและฉ่ำน้ำ ต่างจากสาลี่ยุโรปที่เนื้อผลจะอ่อนนิ่ม
พันธุ์สาลี่ที่นิยมปลูก ได้แก่ พันธุ์ Yokoyama Wase, Xiang Sui และพันธุ์ใหม่ (SH-078 และSH-085)
พันธุ์สาลี่ในประเทศไทยที่มีการปลูก
ช่วงการส่งผลผลิตออกสู่ตลาด เดือนกรกฎาคม เดือนกันยายน
การปลูกและการบำรุงรักษา
การปลูก โดยทั่วไปมักจะใช้ระยะ 6×6 เมตร เนื่องจากทรงต้นสาลี่มีลักษณะสูง การปลูกจึงนิยมโน้มกิ่งลงมาให้ขนานกับพื้นดิน เพื่อให้มีสาขาแผ่กระจายออกไปและยังทำให้กิ่งมีการแตกแขนง และการเกิดกิ่งสเปอร์ได้เร็วและมากขึ้นด้วย ถ้าปล่อยให้ทรงต้นสูงตามธรรมชาติกิ่งสเปอร์ซึ่งเป็นที่ออกดอกผลจะเกิดขึ้นช้า ทำให้ผลไม่ดกวิธีการปฏิบัติกันอยู่มีการใช้ไม้ไผ่มาทำเป็นคอกสี่เหลี่ยมรอบทรงพุ่ม แล้วใช้เชือกผูกกิ่งที่โน้มลงมาติดคอกไม้ไผ่ซึ่งจะยึดกิ่งไว้ให้อยู่ในลักษณะแบนราบและจะเป็นที่เกิดดอกและผลเป็นจำนวนมาก การทำคอกสาลี่นอกจากจะทำให้ทรงต้นไม่สูงการดูแลรักษาง่ายแล้ว ยังช่วยป้องกันปัญหาการหักโค่นของต้นเนื่องจากลมพายุ และการฉีกหักของกิ่ง เนื่องจากการติดผลที่ดกได้อีกทางหนึ่งด้วย
เนื่องจากสาลี่มีการออกดอกและติดผลค่อนข้างดก จึงต้องมีการปลิดผลออกบ้างโดยเลือกปลิดให้เหลือแต่ผลที่มีคุณภาพดี โดยเฉลี่ยแล้วจะให้เหลือเพียงผลเดียวต่อ 1 ช่อดอก
เมื่อปลิดผลเสร็จแล้วต้องห่อถุงเพื่อป้องกันโรคและแมลงและรักษาผิวของผลให้สวยโดยเฉพาะสาลี่พันธุ์ที่มีสีเขียว ถ้าใช้ถุงกระดาษ 2 ชั้นโดยมีชั้นในทึบแสง ผิวผลเวลาเก็บเกี่ยวจะมีสีขาวนวล เป็นที่ต้องการของตลาด ก่อนการห่อผลจำเป็นต้องมีการพ่นยากันราและแมลงก่อนแล้วจึงจะทำการห่อ ทั้งนี้เพื่อป้องกันแมลงที่อาจจะติดอยู่บริเวณผิวผลซึ่งจะทำลายผลให้เสียหายและมีเชื้อราเข้าทำลาย ทำให้ผลเน่าได้ง่าย เนื่องจากฤดูการเจริญเติบโตของผลสาลี่ในประเทศไทยจะตรงกับช่วงที่ฝนตกชุกมาก การพ่นยาก่อนห่อผลช่วยป้องกันการเน่าเสียหายได้มาก
การเก็บเกี่ยว การใช้ถุงกระดาษทึบแสงห่อผลสาลี่ ทำให้ไม่สามรถมองเห็นผลสาลี่ที่อยู่ในถุงได้ดังนั้น การเก็บเกี่ยวจึงต้องใช้วิธีการนับอายุของผล หลังจากดอกบานเต็มที่เป็นอันดับแรก สาลี่แต่ละพันธุ์ที่ปลูกอยู่มีช่วงความแก่สมบูรณ์ที่แตกต่างกันออกไป ก่อนที่จะเก็บผลจะต้องเปิดถุงกระดาษที่ใช้ห่อผลอยู่ออกไปเสียก่อนแล้วจึงค่อยๆ ใช้กรรไกรปลายแหลมขนาดเล็กตัดขั้วผลให้หลุดออกจากต้น โดยตัดให้มีขั้วติดอยู่กับผลด้วย จากนั้นจึงนำไปแยกและบรรจุ
เป็นที่รู้กันดีว่าศาสตร์แห่งการทำอาหารของชาวตะวันออก โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวจีน ล้วนแล้วแต่ลึกลับซ่อนไว้ด้วยฤทธิ์แห่งยา ทำให้ร่างกายแข็งแรง ซึ่งความรู้เหล่านี้ล้วนแต่สืบทอดกันมาเป็นพันๆ ปี แม้แต่วิทยาศาสตร์ปัจจุบันก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ศาสตร์แห่งอาหารจีนมีผลทางยาอย่างแท้จริงอีกเมนูหนึ่งที่เราจะขอแนะนำ เป็นหนึ่งในศาสตร์แห่งอาหารจีน ที่สำคัญและยังเป็นอาหารรสเลิศ รับประทานไปโดยไม่ทำให้รู้สึกว่า กำลังรับประทานยาอยู่แต่อย่างใด ที่สำคัญยังเป็นของหาง่าย ซื้อขายได้ทั่วไป นั่นคือ สาลี่ แม้แต่เมืองไทยก็ทำการ เพาะปลูกกันแล้ว แต่ใครเลยจะรู้บ้างว่า สาลี่ ผลไม้พื้นเมืองธรรมดาจะให้คุณค่าอนัตต์ต่อ
ร่างกายสาลี่ ภาษาจีนเรียกว่า ค้วยก้วย บิกแป๋ เง็กยู หรือ ก้วยจา ตำราอาหารจีนยกให้สาลี่เป็น สุดยอดแห่งผลไม้ เนื่องจากมีรสชาติหวานเย็นและมีคุณค่าทางอาหารสูง สาลี่มีหลายพันธุ์ แต่ที่นิยมก็คือสาลี่หอม และสาลี่น้ำหอม (สาลี่หิมะ) ปัจจุบันสาลี่เป็นผลไม้ที่หาได้ง่ายในทุกฤดู
คุณค่าทางโภชนาการ
ในสาลี่ 100 กรัม ประกอบด้วยคุณค่าทางโภชนาการ ดังนี้ (Gast and Aramouni, 1993)
ประโยชน์ของสาลี่
ข้อควรระวัง
ที่มา
สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง(องค์การมหาชน)
ป้ายคำ : ผลไม้