เมล่อน เป็นพืชในตระกูลแตงที่นิยมปลูกเพื่อการค้าชนิดหนึ่งที่มีราคาต่อผลสูง เนื่องจากเป็นแตงที่มีรสหอมหวาน มีคุณค่าทางโภชนาการ ประกอบด้วยวิตามินเอ และวิตามินซีสูงจึงเป็นแตงที่ที่นิยมบริโภคกันมากไม่แพ้แตงโมเลยทีเดียว
“ราชินีแห่งพืชตระกูลแตง” เมล่อนเป็นพืชที่มีถิ่นกำเนิดในต่างประเทศ ในแถบทวีปแอฟริกา เป็นพืชที่อยู่ในตระกูล (Family) Cucurbitaceae ใช้รับประทานผลสุกมีกลิ่นหอม รสหวาน เจริญได้ดีในสภาพร้อนแห้ง แสงแดดจัด ปัจจุบันมีการผลิตออกมาหลายสายพันธุ์ที่เจริญเติบโตได้ดี ในสภาพภูมิประเทศของประเทศไทยการผลิตเมล่อนที่มีคุณภาพสูง จำเป็นต้องมีการดูแลเอาใจใส่ในการเพาะปลูกและการจัดการแปลงผลผลิต
ชื่อสามัญ Cantaloupe Melon, Muskmelon;
ชื่อวิทยาศาสตร์ Cucumis melo L.
วงศ์ Cucurbitaceae
แตงเทศเป็นพืชที่มีถิ่นกำเนิดในต่างประเทศในแถบทวีปแอฟริกา เป็นพืชฤดูเดียว มีโครโมโซม 2n = 24 ลักษณะคล้ายแตงไทย
ราก เป็นระบบรากแก้ว อาจจะเจริญในแนวดิ่งลึก 1 เมตร รากแขนงจะเจริญในแนวนอน อยู่อย่างหนาแน่นในระดับ 30 เซนติเมตรจากผิวดิน ปกติรากจะยาวมากกว่าเถา รากแขนงบางส่วนอาจจะเจริญในแนวดิ่ง ซึ่งจะช่วยทดแทนรากแก้วเมื่อพืชเริ่มแก่ ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมรากพิเศษจะเจริญจากข้อที่สัมผัสดินและมีความชื้นสูง
การงอกของท่อละอองเกสร ละอองเกสรจะมีลักษณะเหนียว ไม่สามารถแพร่กระจายด้วยลม หรือ ผสมตัวเอง จึงต้องช่วยผสม ดอกตัวผู้ 1 ดอกมีละอองเกสร ~12,000 เกสร ต้องให้เกสรตัวเมียได้รับ ~1,200 เกสร ซึ่งจะงอกและสามารถเข้าไปถึงรังไข่ได้ ~800 เกสร และเข้าไปผสมภายในรังไข่ ~500 เกสร เกิดเมล็ด 400-500 เมล็ด ท่อละอองเกสรจะงอกยาวลงไปที่ก้านเกสรตัวเมียยาว ~5 ม.ม. ภายใน 1 ช.ม. และงอกถึงชั้น placenta (รก) ใน 4 ช.ม. และถึงศูนย์กลาง 15 ช.ม. เสร็จสิ้นขบวนการผสม ~24 ช.ม.
เมล่อนที่พบเห็นโดยทั่วไปสามารถแบ่งออกได้หลายชนิดเช่นแคนตาลูป(Cantaloupe)เมล่อนตาข่าย(Net Melon)เมล่อนผิวเรียบ (Honeydew) เป็นต้น
เมล่อนที่พบเห็นส่วนใหญ่สามารถจำแนกออกได้เป็น 5 ชนิด ดังนี้
พันธุ์เพื่อการบริโภคมีอยู่ 3 วาไรตี้ ได้แก่
สำหรับพันธุ์ที่มีปลูกในประเทศไทยโดยการปรับปรุงพันธุ์ของบริษัทเมล็ดพันธุ์ภายในประเทศและวางจำหน่ายในท้องตลาด เป็นที่รู้จักกันดีและเป็นพันธุ์ที่สามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมของประเทศไทย ได้แก่
วิธีการเพาะปลูก
การเพาะปลูก จะใช้วิธีการหยอดเมล็ดในภาชนะเช่นกระทง หรือถุงพลาสติก ควรคัดเลือกเมล็ดที่มีขนาดใหญ่ เนื่องจากมีอาหารสำ รองในเมล็ดมาก สามารถให้ต้นกล้าที่เจริญอย่างรวดเร็ว และสมบูรณ์ นอกจากนี้ควรตรวจสอบความงอกก่อนที่จะนำ ไปเพาะปลูก
การเพาะเมล็ด
ใช้เมล็ด 80 -110 กรัมต่อไร่ (1 กรัม = 30- 40 เมล็ด หรอื 1000 เมล็ด หนกั 25 กรัม) ควรแช่เมล็ด ในเบนเลท ผสมกับ เคปแทน อัตราอย่างละ 6 กรัม ต่อนํ้า 1 ลิตร แช่ 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมง นำ มาล้าง และแช่โพแทสเซียมไนเตรท เข้มข้น 0.2 % เป็นเวลา 1 ชั่วโมง หลังจากนั้นใช้ผ้าเปียกหุ้มเก็บไว้ในที่มืดอุณหภูมิสูงหรือใช้อุณหภูมิ 28- 30 องศาเซลเซียส เมล็ดจะเริ่มงอกภายในเวลา 12 ชั่วโมง และนำ ไปปลูกในกระทงเมื่อรากงอกยาว 0.5 ซม. อุณหภูมิดินที่เหมาะสำ หรับการงอกของเมล็ด 32 องศาเซลเซียส ตํ่าสุด 20 องศาเซลเซียส เพาะในถุงพลาสติกหรือกระทง ควรใช้ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 12 ซม.และย้ายกล้าลงปลูก เมื่อมีใบจริง 3 4 ใบ แต่ถ้าหากถุงหรือกระทงขนาดเล็ก ควรย้ายกล้าเมื่อมีใบจริง 1 – 2 ใบ หรือประมาณ 15 วันหลังจากหยอดเมล็ด การย้ายกล้าช้า หรือย้ายขณะที่มีรากเจริญขึ้นมารอบ ๆ ดินเพาะ จะทำ ให้รากกระทบกระเทือนจากสภาพอากาศ หรือการย้ายปลูกได้ เนื่องจากการเพาะในกระทงหรือถุง เมื่อดินรัดตัว จะทำ ให้เกิดช่องว่างระหว่างดิน และถุง หรือกระทง รากพืชซึ่งต้องการออกซิเจนจะเจริญขึ้นมาอยู่รอบ ๆ ดินเพาะ ซึ่งเป็นอันตรายได้ง่าย ดินที่ใช้เพาะเมล็ด ควรจะเป็นดินที่ร่วนซุยมีอินทรีย์วัตถุสูง เพื่อให้รากเจริญเติบโตสมบูรณ์ และผ่านการฆ่าเชื้อเช่นใช้ความร้อนหรืออบโดยสารเคมี โดยทั่วไปใช้ส่วนผสม 1:1:1 ดิน:ทราย:ปุ๋ยหมัก หรือ 1:1:2 ในดินเหนียว และใส่ 12- 24- 12 จำ นวน 150 กรัมต่อดิน 100 ลิตร
ดินและการเตรียมดิน
แตงเทศจะสามารถเจริญได้ในดินแทบทุกชนิด แต่จะสามารถเจริญเติบโตได้ดี และให้ผลผลิตสูง ในดินที่ร่วนซุยหน้าดินลึกมีอินทรีย์วัตถุสูง และระบายนํ้าดี เนื่องจากรากของแตงเทศ ต้องการออกซิเจนสำหรับการเจริญเติบโต และแลกเปลี่ยนธาตุอาหาร ดังนั้นดินร่วนปนทรายจะเหมาะสำ หรับปลูกแตงเทศมากกว่าดิชนิดอื่น ๆการปลูกแตงเทศ ควรปลูกพืชในระบบหมุนเวียน และใช้เวลาอย่างน้อย 3 ปี จึงจะกลับมาปลูกที่เดิม ถ้าหากจำ เป็นต้องปลูกที่เดิมควรอบดิน หรือใช้วิธีการต่อกิ่งโดยใช้ต้นตอแตงไทย ฟักทอง ฟักเขียว หรือนํ้าเต้าเพื่อป้องกันโรคเหี่ยวที่เกิดจากเชื้อรา Fusarium oxysporum f. melones ซึ่งจะระบาดรุนแรงทำ ให้ไม่สามารถเก็บผลผลิตได้
วิธีการปลูกมีสองแบบคือ
1. การปลูกแบบเลื้อย
ระยะปลูก 0.60 เมตร x 3.00 เมตร
ไต้หวัน ใช้ระยะปลูก 0.60 เมตร x 2.00 เมตร
ญี่ปุ่น ใช้ระยะปลูก 0.50 เมตร x 2.70 เมตร
2. การปลูกแบบขึ้นค้าง
ระยะปลูก 0.30 เมตร x 1.20 เมตร
ไต้หวัน ใช้ระยะปลูก 0.30 เมตร x 2.00 เมตร
ญี่ปุ่น ใช้ระยะปลูก 0.50 เมตร x 1.80 เมตร
การปลูกแบบเลื้อยหรือขึ้นค้าง อาจจะใช้แถวเดี่ยว หรือ แถวคู่ ระยะปลูกขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ ความอุดมสมบูรณ์ของดิน พันธุ์ที่มีลำ ต้นและใบขนาดใหญ่ ควรปลูกห่าง ดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ตํ่าควรปลูกห่าง
การปลูกในเรือนโรง
การปลูกที่ต้องการคุณภาพ และมีตลาดที่แน่นอน ควรปลูกในเรือนพลาสติก เพื่อป้องกันฝน ซึ่งทำ ให้เกิดโรคทางใบ ลดความเข้มของแสง ลดอุณหภูมิ และเพื่อให้มีการจัดการปุ๋ย และนํ้าอย่างมี ประสิทธิภาพตลอดจนป้องกันแมลง โดยใช้มุ้งตาข่ายปิดรอบเรือนโรง ลักษณะของเรือนโรง จะต้องมีช่องระบายอากาศด้านบน และมีด้านล่างโปร่ง เพื่อให้อากาศร้อนลอยตัวขึ้นไป และอากาศเย็นพัดเข้ามาแทนที่ ซึ่งจะช่วยระบายอากาศ และลดอุณหภูมิใน เรือนโรง ใช้วัสดุพลางแสงในกรณีที่มีความเข้มแสงสูง และปิดด้านข้างด้วยมุ้งตาข่ายแปลงปลูกอาจจะใช้อิฐบล๊อคก่อเป็นแปลงปลูก และรองพื้นด้วยพลาสติก ผสมวัสดุปลูกใส่ลงไป หรืออาจจะใช้กระถางขนาดใหญ่ หรือใช้ถุงบรรจุวัสดุปลูก และเจาะหลุมปลูกดินปลูก ควรผสมอย่างดี ในพื้นที่ๆ ปุ๋ยหมักหาได้ง่าย อาจจะใช้ปุ๋ยหมักเป็นวัสดุปลูก เพื่อให้พืชสามารถเจริญได้อย่างเต็มที่ แตงเทศ ไม่สามารถปลูกซํ้าในพื้นที่เดิมได้ จะต้องเปลี่ยนวัสดุปลูก ทุกครั้งที่ปลูกใหม่ การปลูกวิธีนี้ถ้าหากใช้ปุ๋ยหมัก หรือเปลือกข้าวเป็นวัสดุปลูก จะทำ ให้ต้นทุน การปลูกตํ่ากว่าการอบดินด้วยสารเคมี และสามารถนำ ไปปลูกพืชชนิดอื่นได้ การให้นํ้า การปลูกในเรือนโรงจะให้ผลดี ถ้าหากใช้ระบบนํ้าหยด และผสมปุ๋ยลงในนํ้า จะทำให้ประหยัดแรงงาน ทำ ให้การใช้ปุ๋ยและนํ้าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
วิธีปฏิบัติดูแลรักษา
การปลูกควรเลือกต้นกล้าที่มีขนาดสมํ่าเสมอ ปลูกในแปลงเดียวกัน เพื่อความสะดวกในการดูแลรักษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้นํ้า ในกรณีที่การเจริญเติบโตไม่สมํ่าเสมอกัน บางต้นอาจจะอยู่ในระยะที่ผลกำลังพัฒนา ซึ่งมีความต้องการนํ้ามาก บางต้นที่ติดผลก่อน ผลจะมีขนาดใหญ่ ถ้าหากให้นํ้ามากผลจะแตก นอกจากนี้จะสะดวกต่อการทำ ราวเพื่อใช้รองรับผล
การผสมเกสร เมล่อนเป็นพืชผสมข้าม ต้องอาศัยแมลง/มนุษย์ในการผสมเกสร
การเก็บเกี่ยว
เมื่อผลแตงสุกแก่ จะมีการเปลี่ยนแปลงลักษณะภายนอก คือ ในพันธุ์ที่ผิวมีร่างแหจะพบว่าร่างแหเกิดขึ้นเต็มที่คลอบคลุมทั้งผล ผิวเริ่มเปลี่ยนสีและอ่อนนุ่มลง และในบางพันธ์เริ่มมีกลิ่นหอมเกิดขึ้น เกิดรอยแยกที่ขั้วจนในที่สุดผลจะหลุดออกจากขั้ว ในการเก็บเกี่ยวผลแตงเทศเพื่อการจำหน่ายจึงต้องเก็บเกี่ยวในระยะที่พอดี หากเก็บเร็วเกินไปจะได้ผลแตงที่อ่อนเกินไป รสชำติยังไม่หวานและมีน้ำหนักน้อย หากเก็บเกี่ยวล่ำช้ำไป ผิวและเนื้อภายในจะอ่อนนุ่มเกินไปไม่เหมาะสำหรับการเก็บรักษาและการจำหน่าย อายุเก็บเกี่ยวของแตงเทศที่เหมาะสมนั้นขึ้นกับพันธุ์ ซึ่งมีทั้งพันธุ์เบาที่มีอายุการเก็บเกี่ยว 60 65 วันหลังหยอดเมล็ด หรือ 30-35 วันหลังดอกบาน เช่น พันธุ์ซันเลดี้ ของบริษัทเพื่อนเกษตรกร จำกัด และพันธุ์ซันเน็ท 858 ของบริษัทเจี๋ยไต๋เมล็ดพันธุ์ จำกัด พันธุ์ปานกลางมีอายุเก็บเกี่ยว 70 75 วันหลังหยอดเมล็ดหรือ 40-45 วันหลังดอกบาน เช่น พันธุ์มอร์นิ่งซัน 875 ของบริษัทเจี๋ยไต๋เมล็ดพันธุ์ จำกัด และพันธุ์ฮันนีดิว ของบริษัทเพื่อนเกษตรกร จำกัด และพันธุ์หนักที่มีอำยุเก็บเกี่ยวเกินกว่า 80 85 วันหลังเพาะเมล็ดหรือ 50-55 วันหลังดอกบาน เช่น พันธุ์เอ็มเมอรัลด์ สวีท ของบริษัทเพื่อนเกษตรกร เป็นต้น นอกจากการนับจำนวนวันแล้ว การเก็บเกี่ยวแตงเทศยังสามารถดูจากลักษณะภายนอกได้ด้วย แตงเทศที่เริ่มสุกแก่เก็บเกี่ยวได้จะเริ่มมีกลิ่นหอมในพันธุ์ที่มีกลิ่นหอมและมีรอยแยกที่ขั้วผลเกิดขึ้นแสดงว่าผลแตงกำลังจะหลุดร่วงจากต้น โดยทั่วไปมักจะเก็บเกี่ยวเมื่อเกิดรอยแยกประมาณ 50 % หรือครึ่งหนึ่งของรอบขั้วผล ซึ่งเป็นระยะที่ผิวของผลแตงยังไม่อ่อนนุ่มจนเกินไปสามารถเก็บรักษา หรือขนส่งไปจำหน่ายในตลาดได้โดยไม่กระทบกระเทือน และอยู่ตลาด ได้อีกระยะหนึ่ง
โรคที่สำคัญ
แมลงศัตรูที่สำคัญ
พืชผักตระกูลแตง (Cucurbitaceae) จัดเป็นพืชผักที่สำคัญทางเศรษฐกิจในประเทศไทย พืชที่สำคัญในตระกูลนี้ได้แก่ แตงโม แตงกวา มะระ ฟักทอง ฟักเขียว บวบและแคนตาลูป เป็นต้น ซึ่งผลิตและบริโภคภายในประเทศและการส่งออก ทั้งในรูปบริโภคสดและแปรรูป เช่น แตงกวามีการส่งเสริมให้ปลูกเพื่อแปรรูปเป็นผักดอง ส่งตลาดต่างประเทศเช่น ญี่ปุ่น เป็นต้น ส่วนมะระก็มีการผลิตเพื่อการส่งออกและบริโภคสด ดังนั้นพืชผักตระกูลนี้จึงจัดเป็นพืชที่มีความสำคัญต้องผลิตให้ได้คุณภาพดี แต่ปัญหาการผลิตที่สำคัญในขณะนี้ได้แก่ แมลงศัตรูที่สำคัญที่สร้างความเสียหายคือ เพลี้ยไฟฝ้าย นอกจากทำลายพืชให้เสียคุณภาพแล้ว บางครั้งติดไปกับผลผลิตทำให้มีปัญหาด้านการส่งออก จากรายงานของกองควบคุมพืชและวัสดุการเกษตร เมื่อประมาณต้นปี 2542 พบว่ามีเพลี้ยไฟฝ้ายติดไปกับมะระทำให้มีผลกระทบต่อการส่งออกดังนั้นการจัดการแมลงศัตรูที่สำคัญดังกล่าว ควรมีการป้องกันและควบคุมตั้งแต่การปลูกในสภาพไร่จนถึงหลังการเก็บเกี่ยว ซึ่งวิธีการต่างๆ นั้นจะต้องนำมาวิจัยเพื่อให้ได้ผลที่มีประสิทธิภาพ เพื่อแนะนำให้มีการปฏิบัติอย่างถูกต้องต่อไป ชนิดของแมลงศัตรูพืชตระกูลแตงและส่วนของพืชที่ถูกทำลาย
การเขียนลายสร้างมูลค่าเพิ่ม
อุปกรณ์ที่ใช้วาดลวดลาย เข็ม ตะปู หรือหัวแร้งบัดกรีใช้ความร้อน
โดยพันธุ์ของเมล่อนจะมีผลต่อลายที่เกิดขึ้นด้วย เช่น พันธุ์ที่เส้นตาข่ายค่อนข้างละเอียด ลวดลายก็จะชัดเจนและสวยงาม แต่ถ้าเป็นพันธุ์ที่มีลายตาข่ายห่างๆ บนผิวผล ลวดลายที่เราวาดก็จะไม่ค่อยชัด
ป้ายคำ : ผลไม้