ไผ่ข้าวหลาม เป็นไผ่ขนาดกลาง ลำต้นลักษณะตรง มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 3-8 ซม. เนื้อลำบางหนาไม่ถึง 5 มม. ปล้องยาวประมาณ 20-45 ซม. สูงประมาณ 7-30 ซม. มีสีเขียวปนเทา กาบมีสีหมากสุก กาบหุ้มลำหลุดร่วงง่าย มีการแตกกิ่งขนาดเท่า ๆ กันรอบข้อ
ชื่อวิทยาศาสตร์ Cephalostachyum pergracile
ชื่อวงศ์ Gramineae
ชื่อพื้นเมือง ไม้ข้าวหลาม (ทั่วไป) ไม้ป้าง (ภาคเหนือ) ขุยป้าง (เชียงใหม่) ว่าบลอ (กะเหรี่ยง) แม่พล้อง (กระเหรี่ยง กาญจนบุรี)
ลักษณะเด่น
ประโยชน์ของไผ่ข้าวหลาม
เนื้อไม้มีความเหนียวคงทนเหมาะต่อการทำข้าวหลามได้ดีมากเนื่องจากมีเยื่อไผ่ภายในปล้องหนาทำให้ข้าวแหลมจับตัวกันได้ดีและมีความหอมของไม้ไผ่ ปัจจุบันมีการนำมาปลูกเพื่อส่งให้กับร้านที่ข้าวหลาม หน่อมีสีเหลืองสวยงาม สามารถนำมารับประทานได้เช่นกัน นำลำของไผ่ข้าวหลามอายุ 6-10 เดือน ใช้ทำข้าวหลามได้อย่างดี เผาง่าย ปอกง่าย เพราะเปลือกบางอ่อนและมีเยื่อหุ้มบางๆ หลุดติดออกมากับข้าวหลามด้วย
เนื้อไผ่ข้าวหลาม นำมาจักสานตะกร้า กระบุง สุ่มไก่ ปล้องแต่ละปล้อง ขนาดแก่พอประมาณ นำมาทำข้าวหลามลำแก่ ทำกรอบหลังคาบ้าน สับฟากหรือเพดานบ้านทำโรงเรือนเลี้ยงสัตว์ นำมาทำเครื่องจักรสาน,ทำข้าวหลามได้ดีมากเนื่องจากมีเยื่อไผ่ภายในปล้องหนา ทำให้ข้าวแหลมจับตัวกันได้ดีและมีความหอมของไม้ไผ่ที่ทำให้น่ารับประทานมากยิ่งขึ้นและสามารถนำมาปลูกเป็นไม้ระดับสวยงาม,ใช้ทำรั้วคอกสัตว์,ทำโรงเรือน เป็นต้น
ในธรรมชาติมักจะพบขึ้นอยู่เป็นกลุ่ม ๆ ในป่าเบญจพรรณผสมสูงแล้ง ป่าเบญจพรรณผสมสูงชื้น ป่าดงดิบแล้ง และป่าดงดิบชื้น มีมากในประเทศไทย ซึ่งจะพบได้ทางภาคเหนือตอนเหนือของจังหวัดกาญจนบุรี และภาคตะวันออกเฉียงเหนือบางส่วน
การขยายพันธุ์และการผลิตกล้า แยกเหง้าและเพาะเมล็ด ปริมาณเมล็ด/1 กิโลกรัม ประมาณ 37,000 เมล็ด
การปลูกดูแลบำรุงรักษา
การคัดเลือกพื้นที่และเตรียมพื้นที่ปลูก ควรเตรียมพื้นที่ไว้ตั้งแต่ฤดูแล้ง ซึ่งจะทำงานได้สะดวกสามารถลงมือปลูกได้ทันในต้นฤดูฝน โดยในพื้นที่ที่เป็นแอ่ง ที่ลุ่มน้ำขัง มีเนิน หรือมีตออยู่ในพื้นที่ต้องไถบุกเบิก กำจัดตอออกให้หมด ปรับสภาพพื้นที่ให้เรียบ แต่ถ้าเป็นพื้นที่ราบอยู่แล้ว แค่ไถพรวนกำจัดวัชพืชอย่างเดียวก็พอ ในแหล่งที่สามารถให้น้ำได้ตลอดทั้งปี ก็สามารถปลูกไผ่ได้ตลอดปีเช่นกัน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือควรปลูกตั้งแต่ฝนเริ่มตก จนถึงปลายเดือนมิถุนายน หากฝนทิ้งช่วง ควรให้น้ำช่วย หลุมที่ปลูกไผ่ตงควรมีขนาด กว้างxยาวxลึก ไม่น้อยกว่า 50x50x50 เซนติเมตร ให้ใช้ปุ๋ยหินฟอสเฟต 1 กระป๋องนม (ประมาณ 300-500 กรัม) ต่อหลุม ผสมปุ๋ยคอกเก่าที่สลายตัวแล้ว 1 บุ้งกี๋ (ประมาณ 1 กิโลกรัม) และยาฆ่าแมลงฟูราดาน 1-1.5 ช้อนแกง (10-15 กรัม) คลุกเคล้ากับดินบนให้ทั่วแล้วกลบกลับคืนลงไปในหลุม ให้ระดับดินสูงกว่าเดิมเล็กน้อยเผื่อสำหรับดินยุบตัวภายหลัง
วิธีการปลูกและระยะปลูกที่เหมาะสม ระยะเวลาที่เหมาะ ต่อการปลูกไผ่ อยู่ในช่วงฤดูฝน คือ ระหว่างเดือนพฤษภาคม – กันยายน เนื่องจาก ช่วง ระยะที่เริ่มปลูกไผ่ต้องการน้ำมาก การปลูกในช่วง ฤดูฝน จึงลด ค่าใช้จ่าย ในการรดน้ำ ลงได้มาก และเป็นระยะที่ไผ่มีการเจริญเติบโตดีที่สุดด้วย สำหรับ ระยะปลูก และจำนวน กล้าไผ่ต่อพื้นที่ ควรมีระยะปลูกประมาณ 8 x 8 เมตร หรือประมาณ 25 กอต่อไร่ หลุมที่ปลูก มีขนาดประมาณ 50 x 50 x 50 เซนติเมตร
โรคและแมลง มีโรคแมลงและศัตรูธรรมชาติ เหมือนกับโรคแมลงและศัตรูธรรมชาติของไผ่เลี้ยง
การที่ไม้ไผ่มีอายุขัยในการออกดอกและผลิตเมล็ดยาวนาน ไม้ไผ่ชนิดต่าง ๆ มีอายุขัยในการออกดอกแตกต่างกัน บางชนิดใช้เวลานาน 30-50 ปี ในขณะที่บางชนิดใช้เวลานานกว่า ร้อยปี อายุขัยในการออกดอกที่ยาวนานและไม่สม่ำเสมอเช่นนี้ เป็นอุปสรรคในการเก็บหาและรวบรวม ตัวอย่างที่จำเป็นในการจำแนกพันธุ์อย่างยิ่ง และข้อเสนอแนะ การทำสวนไผ่นั้นใช้เวลานานถึง 3 ปี จึงจะตัดหน่อได้ ช่วงเวลาที่ยังไม่ได้ตัดหน่อ พื้น ที่ว่างอาจปลูกพืชแซมเพื่อเพิ่มรายได้ เช่น ฟัก แฟง มันเทศ พริก มะเขือ หรือพืชตระกูลถั่วต่าง ๆ และ ยังเป็นการเพิ่มธาตุอาหารแก่ดินอีกด้วย หลังจากไผ่ให้หน่อแล้วภายในสวนอาจร่มครึ้มมากขึ้น จึง เหมาะสำหรับปลูกไม้ประเภทต้นเตี้ยที่ขึ้นได้ดีในที่ร่ม เช่น กระชาย หรืออาจปลูกพืชเศรษฐกิจใหม่ ๆ เช่น สมุนไพรจำพวกเร่วและกระวานลงในสวนได้ หรือปลูกควบกับไม้ผลอื่น ๆ ได้ด้วย เช่น กระท้อน ขนุน ส้มโอ เป็นต้น
ป้ายคำ : ไผ่
เป็นพืชที่อยากปลูกคับ ได้ใช้ประโยชน์ทุกส่วนเลย เหมือนปลูกกล้วยเลยคับ