จากประสบการณ์ทำนามากว่า 10 ปี ทำให้รู้ว่าการทำเกษตรเคมี และการเกษตรแบบผสมผสานระหว่างอินทรีย์กับเคมีนั้น มีปัญหามากในเรื่องความปลอดภัยและสุขภาพของผู้ผลิตและผู้บริโภค ตลอดจนถึงความสมดุลย์ของระบบนิเวศน์ในธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมต่างๆ ในพื้นที่ นอกจากนี้ยังมีต้นทุนในการซื้อหาที่สูงขึ้นเรื่อยๆ หากมองในระยะยาวแล้ว มีโอกาสขาดทุนได้สูง ทั้งขาดทุนทุนทรัพย์และขาดทุนในด้านสิ่งแวดล้อมของพื้นที่ที่ทำการเกษตรและพื้นที่ใกล้เคียง รวมทั้งขาดทุนในเรื่องสุขภาพร่างกายของผู้ผลิตและผูู้บริโภคเอง
การทำการเกษตรที่จะอยู่ได้แบบยั่งยืน เห็นจะมีอยู่หนทางเดียวที่จะทำได้คือการเกษตรอินทรีย์ ที่อาศัยพึ่งพิงอยู่กับธรรมชาติ ปล่อยให้ธรรมชาติจัดการกับธรรมชาติ เพื่อเพิ่มพูนความอุดมสมบูรณ์ของดิน แล้วจึงทำการปลูกพืชผลต่างๆ ตามที่ต้องการ ระบบนิเวศน์ต่างๆ ถึงจะหวนคืนกับเข้าสู่จุดสมดุลย์ จุดที่ไม่ต้องลงทุนอะไรไปมากกว่าที่เป็นอยู่ จุดที่่พืชผลต่างๆ เจริญงอกงาม และปลอดภัยในการบริโภค และได้ท้องไร่ท้องนาในอดีดกลับคืนมาอีกครั้ง….
ดินที่ดีมีความอุดมสมบูรณ์เป็นเป้าหมายหลักในการทำเกษตรอินทรีย์เพื่อให้สามารถเพาะปลูกพืชให้ได้์ผลดีโดยไม่พึ่งพิงปุ๋ยเคมีหรือสารเคมีใดๆ เลย ดินที่จะดีอุดมสมบูรณ์ได้ต้องเป็นดินที่มีชิวิต การที่จะทำให้ดินมีชิวิตต้องใช้ทั้งจุลินทรีย์ที่ดีและซากพืชซากสัตว์ พร้อมทั้งให้เวลาในการบ่มหมัก เมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทางสรรพสิ่งมีชิวิตก็จะเกิดขึ้นในดินอย่างมากมาย แต่ละชิวิตจะมีหน้าที่ของตัวเอง ต่างช่วยกันบำรุงรักษาและเพิ่มพูนความอุดมสมบูรณ์ของดินให้เหมาะกับสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ต่อไป
เมื่อดินมีชิวิต สารอาหารต่างๆ ที่จำเป็นสำหรับการเพราะปลูกพืชจะกลับคืนมา ระบบนิเวศน์จะเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ความสมดุลย์ตามธรรมชาติ พืชผักที่ปลูกไว้ก็จะเจริญงอกงาม สามารถต้านทานโรคแมลงได้ดี ศัตรูพืชต่างๆ และศัตรูของแมลงก็จะมีการควบคุมกันเองโดยธรรมชาติของมัน เหมือนระบบนิเวศน์ในป่าฝนที่ไม่ต้องการให้มนุษย์เข้าไปยุ่งเกี่ยวอีกเลย
ติดต่อ 121 หมู่ 6 ต.กุดจอก อ.หนองมะโมง จ.ชัยนาท 10270
โทร 093-0367910, 02-9933305
http://www.raiporjai.com
ป้ายคำ : ศูนย์เรียนรู้