สนประดิพัทธ์ เรือนยอดรูปกรวยแหลม กิ่งขนาดเล็กทำมุมแหลม กับลำต้นและแตกกิ่งเป็นระเบียบ เปลือกสีน้ำตาลปนดำ ใบเป็นใบเดี่ยว ใบสามารถถอดเป็นปล้องได้ นิยมปลูกเป็นไม้ประดับ ปลูกเป็นแนวกันลม สามารถตัดแต่งเป็นรูปต่างๆ ได้เนื้อไม้ใช้ทำเสาโป๊ะ เสากระโดงเรือ ทำฟืนถ่าน ไม้กระดาน ไม้ฝา แปรรูป ทำเฟอร์นิเจอร์ ปาร์เก้
ชื่อสามัญ Son pradipat (Bangkok), Iron Wood Horsetail
ชื่อวงศ์ CASUARINACEAE
ชื่อวิทยาศาสตร์ Casuarina junghuhniana Miq
ลักษณะทั่วไป
สนประดิพัทธ์ มีถิ่นกำเนิดอยู่ที่เกาะชวาประเทศอินโดนีเซีย เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางมีความสูงประมาณ 10-20 เมตร ไม่ผลัดใบ ลำต้นเปลาตรง เรือนยอดรูปกรวยแหลม กิ่งขนาดเล้กทำมุมแหลมกับลำต้น และแตกกิ่งเป็นระเบียบ กิ่งย่อยสีเขียวเรียงกันเล็กมากคล้ายรูปเข็มหรือเส้นลวดต่อกันเป็นปล้อง ๆ แต่ละกิ่งยาว 10-20 เซนติเมตร เปลือกของลำต้นสีน้ำตาลปนเทา แตกเป็นร่องตื้น ๆ ลอกเป็นแผ่นเล็ก ๆ ห้อยตามลำต้น ชอบขึ้นในดินทรายใกล้ทะเลจนถึงภูเขาสูงถึง 3,100 เมตรจากระดับน้ำทะเล สามารถเจริญเติบโตได้ในดินทรายจนถึงดินเหนียวซึ่งมีความเป็นกรด เป็นด่าง pH 2-8
การเตรียมกล้าไม้
กล้าไม้สนประดิพัทธ์ที่จะใช้ในการปลูก ที่นิยมกันในปัจจุบันจะได้จาก
– หน่อจากราก
– ตอนจากกิ่งที่เกิดจากราก ต้น ยอดของต้น และปลายกิ่ง
– การชำกิ่ง
การเตรียมพื้นที่ปลูก
ขึ้นอยู่กับพื้นที่แต่ละแห่ง ซึ่งโดยทั่วไปจะทำการไถพรวน และหากเป็นพื้นที่ที่น้ำท่วม จะต้องทำการยกร่องให้สูงขึ้น ขุดหลุมปลูกขนาด 25x25x25 เซนติเมตร รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักและมีระยะปลูก 2×2 เมตรขึ้นไป
การปลูก
ปกตินิยมปลูกจากกล้าที่ได้จากกิ่งชำหรือกิ่งตอน ก่อนปลูกจะต้องฉีกถุงพลาสติกออก วางกล้าตรงกลางหลุมให้คอรากอยู่ระดับเดียวกับผิวดิน กลบดินและกดรอบ ๆ ให้แน่น และควรจะปลูกในต้นฤดูฝน
ระยะปลูกสนประดิพัทธ์มีความสำคัญมาก เพราะจะมีผลโดยตรงกับการลงทุนปลูกสร้างสวนป่าไม้สนประดิพัทธ์ เนื่องจากเป็นการลงทุนระยะยาว 5-7 ปี จึงตัดไม้ขายได้ ในช่วงปีแรก ๆ จำเป็นจะต้องหาผลประโยชน์จากสวนสนประดิพัทธ์ให้ได้มากที่สุด เช่น การตอนกิ่งจากต้นที่ปลูกแล้ว 1 ปีขึ้นไป เพื่อจำหน่ายหรือเก็บไว้ปลูกในปีต่อ ๆ ไป หรือการปลูกพืชล้มลุกควบคู่ไประหว่างแถว หรือการเลี้ยงปลาในกรณีที่ขุดร่องน้ำ ดังนั้นระยะปลูกไม้สนประดิพัทธ์จึงมีความสำคัญต่อการลงทุนปลูกไม้ชนิดนี้เป็นอย่างมาก การปลูกระยะ 2×2 เมตร สามารถเก็บผลประโยชน์ได้มากเมื่อตัดขาย เพราะการปลูกระยะนี้จะให้ผลผลิตถึง 400 ต้นต่อไร่ อีกทั้งสามารถทำกิ่งตอนขายได้ในปริมาณมากด้วย และจะเจริญเติบโตทางด้านความสูงเร็วขึ้นในช่วงระยะ 3 ปีแรก ก็จะตัดไม้ออกขาย ใช้ทำฟืนและไม้ค้ำยันขนาดเล็กได้ โดยตัดออกต้นเว้นต้น ซึ่งจะได้ไม้สูงประมาณ 6-10 เมตร การปลูกระยะ 2×3 เมตร เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของไม้สนมากตามที่ได้สำรวจมา และมีวิธีการปฏิบัติสำหรับการปลูกแบบยกร่อง 1 ไร่ จะปลูกได้ถึง 320 ต้น โดยระยะปลูก 2×2 เมตรภายในร่อง และห่างกัน 3 เมตรระหว่างร่อง สำหรับพื้นที่ที่ไม่ยกร่องจะปลูกแบบ 2×3 เมตร ได้ไร่ละ 266 ต้น ถ้าปลูกระยะ 2×4 เมตร ระยะนี้เมื่อคิดผลกำไรจากการขายไม้ออกแล้ว จะได้น้อยกว่า เพราะปริมาณไม้จะได้เพียง 200 ต้นต่อไร่ อย่างไรก็ตามช่วงระยะ 2×4 เมตร สามารถปลูกพืชควบได้ดีกว่า และการปลูกระยะ 2×4 นี้ ไม้สนจะแตกกิ่งก้านต่อต้นมากกว่า ซึ่งจะเป็นผลดีในการตอนกิ่งขายด้วย
การบำรุงรักษา
เนื่องจากไม้สนประดิพัทธ์เป็นไม้โตเร็ว เนื้อไม้แข็งและให้ผลตอบแทนได้เร็ว จำเป็นที่ผู้ทำการปลูกต้องให้ความสนใจในเรื่องการบำรุงดูแลรักษาไม้ที่ปลูก เพื่อที่จะได้ประโยชน์สูงสุด ยังมีผู้เข้าใจคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับการปลูกสนประดิพัทธ์ว่า เมื่อปลูกเป็นระยะเวลานาน จะทำให้ดินเสื่อมคุณภาพในภายหลัง ตามความจริงแล้วที่รากของไม้สนนี้จะมีปมคล้ายกับพืชตระกูลถั่ว และยังเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้กับดินเช่นเดียวกับพืชตระกูลถั่ว ปัญหาที่ต้องดูแลที่สำคัญในระยะแรกคือ
แม้ว่าการปลูกสนประดิพัทธ์ที่กำลังแพร่หลายกันอยู่ในปัจจุบันจะยังไม่มีโรค และแมลงรบกวนมากก็ตาม แต่บางท้องที่ก็มีรายงานมาบ้างแล้วถึงศัตรูของไม้สนประดิพัทธ์ ได้แก่ ปลวกกัดกินรากอ่อนและจิ้งหรีดกัดกินลำต้น สำหรับจิ้งหรดป้องกันโดยการใช้ยาฆ่าแมลงฉีดป้องกันได้ ส่วนปลวกนั้นถ้าปรากฎว่า มีระบาดมาก ก็ใช้กล้าสนที่มีดินหุ้มรากในถุงพลาสติก (สนชำ) แช่ในน้ำยาปราบศัตรูพืชพวกเดรนดริน ละลายเจือจางนานประมาณ 12 ชั่วโมง แล้วเอาขึ้นปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 6-12 ชั่วโมง จึงนำไปปลูก หรือใช้เกลือป่นผสมปูนขาวโรยบริเวณหลุม ก็จะป้องกันปลวกได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตามการป้องกันการระบาดของโรคและแมลงโดยธรรมชาติอีกวิธีหนึ่งก็คือ การปลูกพืชหรือต้นไม้ป่าชนิดอื่นปะปนเข้าไปด้วย
ที่มา
วัลลิ์รุกขบุปผชาติ ตามรอยพระบาทบรมราชกุมารี โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชฯ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย
ป้ายคำ : ป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง