เลี่ยม บุตรจันทา ผู้เห็นบัญชีคือหัวใจของการดำเนินชีวิต

ชายร่างท้วม ผิวเข้มจากกลำแดด พูดจาเนิบชัดถ่อยชัดคำ มีผ้าขาวม้าพาดบ่า และรอยยิ้ม คือ บุคลิกที่ชัดเจนของ ลุงเลี่ยม บุตรจันทา แห่งบ้านนาอีสาน ตำบลท่ากระดาน อำเภอสนามชัยเขต จังหวัดฉะเชิงเทรา
เลี่ยม บุตรจันทา เดิมเป็นคนอำเภอหนองกี่ จังหวัดบุรีรัมย์ อพยพมาอยู่บ้านนาอีสาน เมื่อปี 2530 ประกอบอาชีพทำไร่มันสำปะหลัง ข้าวโพด ไม่ประสบผลสำเร็จ มีหนี้สินดื่มเหล้า สูบบุหรี่ เล่นการพนัน อดีตเคยเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 16 ตำบลท่ากระดาน อำเภอสนามชัยเขต จังหวัดฉะเชิงเทรา เมื่อปี พ.ศ. 2538 ต่อมาเมื่อปี 2540 พ่อเลี่ยมได้ไปเรียนรู้ เรื่องการจัดการวนเกษตร จากผู้ใหญ่วิบูลย์ เข็มเฉลิม ปราชญ์ชาวบ้านเกษตรนักคิด แล้วนำความรู้ประสบการณ์มาปรับใช้ที่ไร่ของตนเอง โดยตั้งชื่อสวนว่า สวนออนซอน ซึ่งปลูกทุกอย่างที่กินและกินทุกอย่างที่ปลูก เหลือกินจึงขาย ภายได้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง

ประวัติของพ่อเลี่ยม บุตรจันทา ปราชญ์ผู้เห็นบัญชีคือชีวิต

แต่เดิมผมเป็นคนอำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ ภรรยาชื่อนางสมบูรณ์ หรือยายตุ๋ย มีลูกชาย 2 คน แต่เดิมมีอาชีพทำไร่มันสำปะหลัง ทำแล้วไม่พอกับหนี้สินธรรมดามีหนี้เพราะการประกอบอาชีพอย่างเดียวก็พอทน แต่หนี้ที่เกิดขึ้นเพราะอบายมุข ทั้งสิ้น ทั้งกินเหล้า เล่นหวย เล่นโป สารพัด โดนยายตุ๋ยด่าทุกวัน เมียด่าก็กินเหล้า สุขภาพแย่ เมียด่ามาก ๆ เข้าก็ขายที่ใช้หนี้ ก็เลยอพยพมาที่ จังหวัดฉะเชิงเทรา เมื่อปี 2530 ทีแรกก็ไปถางป่า ปลูกข้าว ปลูกผัก ทำอยู่ 1 2 ปี ติดเขตเขาฉกรรจ์ ต่อมาได้รับคัดเลือกเข้ามาทำกินในที่ ส.ป.ก. เมื่อปี 2534 โดยทำอาชีพทำไร่ เห็นพี่น้องปลูกข้าวโพด ก็เลยทดลองปลูกบ้าง ปลูกไปไม่นานก็ขาดทุนเหมือนเดิม ปัญหาหนี้สินก็ตามมา ไปกู้เถ้าแก่มาลงทุน เมื่อปี 35 เป็นหนี้ ธกส. เพราะดอกเบี้ยต่ำ ปีแรกไปกู้ธกส. มาใช้หนี้เถ้าแก่ พอถึงเวลาทำไร่ก็ยืมเงินเถ้าแก่มาลงทุน ทำอย่างนี้อยู่หลายปี ตั้งแต่ปี 35 39 ชีวิตมีแต่เรื่องเมา ทะเลาะกับครอบครัว สุดท้ายได้ไปเรียนรู้ข้างนอก มีคนไปชวนให้เข้าอบรมกับ ตชด. อยากไปอบรมมาก เพราะคิดว่าถ้าได้ไปอบรมจะห่างเมียและมีเหล้ากินนอกบ้าน วันที่ไปอบรม ได้แนวคิดจากผู้ใหญ่วิบูลย์ ซึ่งเป็นวิทยากร ผู้ใหญ่ได้เล่าประสบการณ์ พร้อมแนวคิดเชิงดูถูกว่าเกษตรกรไม่รู้จักตนเอง

พ่อเลี่ยมเถียงในใจว่า ทำไมจะไม่รู้จักตัวเอง อาทิตย์ละ 3 – 4 วันเมียด่า แต่ผู้ใหญ่วิบูลย์บอกว่า การที่จะรู้จักตัวเองต้องมีเครื่องมือ คือต้องทำบัญชี ตอนไปอบรม ไม่ได้กินเหล้าอย่างที่คิด ต้องงดเหล้า 2 3 วัน เมื่อเลิกสัมมนากลับมาบ้านเริ่มมีไฟในตัวเอง ก็เริ่มทำบัญชี ขอสมุดจากลูกชายมาตีแบบบัญชีเอง เกือบจะไม่ได้ทำต่อแล้ว เพราะถามลูกชายว่าแม่ให้เงินไปโรงเรียนใช้จ่ายอะไรบ้าง และถามยายตุ๋ยเมียรักว่าใช้จ่ายอะไร แต่ก็โดนยายตุ๋ยด่าหาว่าไม่ไว้ใจ ก็ถามค่าใช้จ่ายยายตุ๋ยอยู่ประมาณ 1 อาทิตย์ ยายตุ๋ยก็ด่าทุกวัน พอหลังจากนั้นเมียด่าอยู่สักอาทิตย์ ในที่สุดก็เลิกด่า เพราะถามทุกวันและลงบัญชีทุกวัน พอต้นปี 39 ได้สรุปบัญชีรับจ่ายในครัวเรือน และก็เรียกยายตุ๋ย พร้อมลูกชายทั้ง 2 มานั่งคุยกัน พอยายตุ๋ยเห็นบัญชีหันมาบอกเลยว่า ถ้าแกเลิกเหล้าได้ก็จะมีเงินถึง 40,000 กว่าบาทใช้หนี้ ธกส. พอหันมาอ่านบัญชีของแม่บ้าน แม่บ้านก็ด่าอีก บอกว่าสิ่งที่เขาซื้อไป 20,000 บาทนั้นใช้ในครอบครัวซึ่งดีกว่าที่พ่อเลี่ยมหมดไปกับการกินเหล้า เล่นโป สุดท้ายยายตุ๋ยก็ถามว่า จะอยู่กับเมียก็ให้เลิกอบายมุข หรือถ้าจะเลือกอบายมุขต้องก็เลิกกับเมีย ตอนนั้นชีวิตไม่รู้ว่าจะเลือกอะไร จะเลิกอบายมุขก็เสียดาย จะเลิกกับเมียก็ไม่ได้ ก็ลองหันไปเห็นลูกชาย 2 คน ถามลูกว่าเลือกใครระหว่างพ่อ กับแม่ ลูกชายทั้ง 2 ตอบเหมือนกันว่าเลือกแม่ เมื่อได้ยินคำตอบของลูกชายทั้ง 2 ก็เริ่มทบทวนตัวเองว่าทำไมลูกถึงเลือกอยู่กับแม่และ ชีวิตทำไมมันเศร้าอย่างนี้ สุดท้ายก็เลยตัดสินใจที่จะเลิกอบายมุข เสร็จแล้วก็กลับมาดูรายจ่ายของเมีย เห็นว่ารายจ่ายของเมียหมดไปกับค่าพืชผักสวนครัว จึงตัดสินใจปลูกทุกอย่างที่กิน และกินทุกอย่างที่ปลูก

เริ่มต้นของความสุขก็ได้บังเกิดกับครอบครัว คือ ที่ได้ร่วมกันรดน้ำต้นไม้ ถอนหญ้าร่วมกัน ทำให้นึกถึงความสุขของ วันเก่า ๆ ที่ได้ร่วมกันมา จึงตั้งชื่อสวนของเราว่า สวนออนซอน แปลว่าสวนที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ ความรักที่เราได้เริ่มต้นกันมานึกถึงอดีตที่เราเริ่มจีบยายตุ๋ยเดินบนคันนา ร่วมกัน พอผมเหนื่อยจากการถางหญ้าเราก็มานั่งหยอกล้อกันในสวนของเรา เวลาเมื่อยก็มานั่งทบทวนนึกถึงคำของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ว่า ปลูก 3 อย่าง ได้ประโยชน์ 4 อย่าง ในสวนผมจะปลูกไม้ผล มะเฟือง มะไฟ มะกรูด มะนาว มะพร้าว ส้มโอ ฟัก แฟง แตงโม พอออกลูกพ่อเลี่ยมก็จะไชโยโห่ฮิ้ว หลังจากที่ทำสวน ก็มีคำถามว่าทำแล้วจะขายได้ที่ไหน ปลูกแล้วเราจะไม่ขาย เราจะกินในครอบครัวให้พอ เหลือแล้วจึงนำไปขาย จะขายในสิ่งที่เห็นว่าเป็นประโยชน์นอกจากนั้นในสวนของผมปลูกต้นไม้ 153 ชนิด แต่ละชนิดที่ปลูกผมรู้จักหมดทุกต้น เพราะผมลงมือปลูกเอง และแต่ละชนิดสามารถใช้ประโยชน์ได้ทุกต้น การปลูกต้นไม้ควรจะมี ระดับ คือไม้เตียน ไม้ผล ไม้กินดอก ไม้หน้าดิน ไม้ใต้ดิน ได้แก่ มันบางอย่าง กลอย ทุกคนที่มาเที่ยวสวนออนซอนรับรองไม่อด มีมันให้กิน

บัญชีบอกอะไรเราหลายอย่าง

– ที่ผ่านมาเราทำอะไร ดูได้จากบัญชี เช่นไปซื้อของที่ไหน เมื่อไหร่ พอเห็นบัญชีก็เห็นภาพขึ้นมา
– จะทำอะไรบ้าง ก็ดูได้จากบัญชีว่าเราควรจะทำอะไรเพิ่มเติม
– เป็นเครื่องมือของการเรียนรู้
– ทำให้คนมีระเบียบวินัยในการใช้สอย
– ทำให้มีสมาธิ เพราะทุกเย็นเราต้องนั่งนึกแล้วว่าเราใช้จ่ายอะไรไปบ้าง จึงเกิดสมาธิขึ้น
ลูกผมเรียนทั้ง 2 คน ผมทำนา 4 ไร่ แต่ไม่ต้องกู้เงินรัฐบาลเรียน เพราะบัญชีทำให้ลูกไม่โกหก การเรียนในบัญชีจะบอกว่าลูกใช้จ่ายอะไรไปบ้าง ค่าเทอม ค่าการศึกษา บัญชีทำให้ลูกผมเลิกกินเป็ปซี่ ทำให้นำมาอภิปรายกันในครอบครัวว่าลูกเลิกกินน้ำอัดลมได้ไหม ลูกจะมีรายได้ปีละ 2,000 กว่าบาทถ้าเลิกกินน้ำอัดลมได้ ดังนั้น ผมจึงเห็นว่าบัญชีสำคัญที่สุด มีประโยชน์มาก บัญชีไม่ยากอย่างที่คิด ถ้าเราลงบัญชีไม่ซื่อสัตย์กับตนเอง การวิเคราะห์ก็จะไม่เกิดประโยชน์ ประโยชน์ของบัญชี ทำให้เราต้องถามตัวเองว่าสิ่งที่จะซื้อนั้นเป็นสิ่งจำเป็น หรือเป็นความต้องการ ก็สรุปได้ว่าร้อยละ 75 จะมีแต่ความต้องการ ซึ่งความจำเป็นจริง ๆ จะมีน้อยมาก

หลักคิดในการดำเนินชีวิตของพ่อเลี่ยม บุตรจันทา

หลักสำคัญในการเรียนรู้ไปสู่การปฏิบัติต้องรู้จริง โดยเฉพาะรู้ 5 เรื่อง คือ
– คนเราต้องรู้จักตนเอง
– รู้จักปัญหาของตัวเอง ได้เรียนรู้ตัวเองว่าปัญหาหนี้สินมาจากการใช้ชีวิตของตัวเอง
– รู้จักตัวเองว่าอยู่บนฐานทรัพยากรอะไรบ้าง
– รู้จักการใช้ทรัพยากร และ
– รู้จักว่าตัวเราคือใคร อาชีพอะไร
ถ้ารู้ทั้ง 5 ข้อนี้ ทำอาชีพไหนก็มีความสุข

คนเราต้องมีการวางแผนชีวิต

ผมได้วางแผนชีวิตไว้ 3 ช่วง คือ ปัจจุบัน อนาคต และก่อนตาย ทำในสิ่งที่ไม่เบียดเบียนตัวเองและธรรมชาติ ตอนนี้กำลังจัดการการเรียนรู้การจัดการข้าว ท่านเคยทราบไหมว่าทำไมชาวนาถึงได้จนทั้งปี คนผลิต ต้องเรียนรู้การจัดการทั้งระบบ ตั้งแต่ปลูกไปจนตายเราเป็นคนกำหนดราคาเอง แนวทางเศรษฐกิจพอเพียงเป็นสิ่งทิ่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต เป็นคำตอบที่สามารถแก้ปัญหาทุกอย่างให้หมดไป ผมจะถ่ายทอดสิ่งเหล่านี้ให้ลูกหลาน และคนในสังคมจนกว่าจะหมดลมหายใจ

ปัจจุบัน พ่อเลี่ยม บุตรจันทา เป็นปราชญ์ชาวบ้าน ภูมิปัญญาชาวบ้าน เป็นเกษตรกรนักคิด นักปฏิบัติ และเป็นวิทยากรบรรยายให้ความรู้กับประชาชน ผู้ที่สนใจใฝ่รู้เรื่องเศรษฐกิจพอเพียง ทั้งการศึกษาในระบบการศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย มีผู้คนหลั่งไหลมาศึกษาดูงานที่บ้านพ่อเลี่ยม บุตรจันทา เป็นประจำไม่เคยขาดเพราะมีกิจกรรมหลากหลายที่น่าสนใจ ดังนี้
1. กลุ่มสัจจะออมทรัพย์
2. ธนาคารข้าว/การสู่ขวัญข้าว
3. ธนาคารปลา
4. สวนออนซอน
5. เครื่องสีข้าวมือหมุน
6. การแปรรูปสมุนไพร
7. การแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร
8. ข้าวกล้อง
9. น้ำดื่มสมุนไพร
10. การทำน้ำตาลจากอ้อย
11. พืชผักสวนครัวปลอดสารพิษ
12. การเลี้ยงปลา/เลี้ยงไก่
13. ป่าชุมชน ( เขาน้อย )

องค์ความรู้/ภูมิปัญญา/ประสบการณ์/ผลงาน
1. ประธานกลุ่มสัจจะออมทรัพย์
2. คณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตร (คปก.)
3. ผู้นำกลุ่มองค์กรชุมชนเครือข่ายวนเกษตร
4. ประธานเครือข่ายป่าตะวันออก
5. คณะทำงานภูมิภาคลูกโลกสีเขียว
6. คณะกรรมการกองทุนทางสังคมจังหวัดฉะเชิงเทรา
7. คณะกรรมการตัดสินการประกวดเศรษฐกิจพอเพียงของ ( กปร. )
8. เป็นวิทยากรบรรยายการดำเนินชีวิตตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง

 

ป้ายคำ :

เรื่องที่เกี่ยวข้องกับหมวด ปราชญ์ของแผ่นดิน

แสดงความคิดเห็น